การจัดอันดับเกมยอดเยี่ยมแห่งปีนั้นมีการจัดกันในทุกปีทั้งในแบบเฉพาะแพลทฟอร์มอย่างเช่น PlayStation Game of the Year แบบเฉพาะของแต่ละค่ายหรือจะรวมทุกแพลทฟอร์มเป็นรางวัลใหญ่อย่างงาน The Game Awards ซึ่งแน่นอนว่ามีเกมที่ดีก็ต้องมีเกมที่แย่ที่ถูกปล่อยออกมาด้วยเป็นของคู่กัน โดยที่ได้มีการจัดอันดับ “เกมยอดแย่ประจำปี” ที่ทาง www.metacritic.com ได้ทำการจัดอันดับไว้ซึ่งจัดทำมาแล้วหลายครั้ง โดยในครั้งนี้มีเกมแย่ ๆ เกมใดบ้างที่เปิดตัวในปี 2020 และมีชื่อติดอยู่ใน 10 อันดับนี้ ไปดูกันเลย
#10: The Elder Scrolls: Blades (Switch) 42 คะแนน


ขึ้นชื่อว่า Elder Scrolls แฟนเกมก็พร้อมจะเทใจให้แล้ว แต่กลายเป็นว่า The Elder Scrolls: Blades นั้นกลับสร้างความผิดหวังให้กับแฟนเกมรวมไปถึงชื่อของ Elder Scrolls ไปพร้อมกันด้วย
แม้จะออกแบบมาให้เหมาะสมกับหน้าจอขนาดเล็กของเครื่อง Switch แต่ผู้พัฒนา Bethesda Game Studios กลับมาตกม้าตายเอาในเรื่องการแปลคำอธิบายไอเทมต่าง ๆ ในเกม รูปแบบเกมที่สร้างออกมาก็จืดชืดซ้ำซากเหมือนกับเกมที่หาเล่นได้ในเกมมือถือทั่ว ๆ ไป นี่ถือเป็นผลงานที่แย่ที่สุดของผู้จัดจำหน่ายอย่าง Bethesda Softworks เลยก็ว่าได้
#9: Gleamlight (Switch) 42 คะแนน


แน่นอนว่ามองแวบแรกแฟน ๆ จะนึกว่าเป็นเกม Hollow Knight แต่ไม่ใช่ Gleamlight คือเกมที่ DICO สร้างออกมาในรูปแบบเดียวกันกับ Hollow Knight แต่กลับกลายเป็นว่ามีเนื้อหาที่สั้นมาก การบังคับตัวละครที่มีปัญหากวนใจตลอดเกม บวกกับระดับความยากที่ใส่มามากจนโจ่งแจ้งเกินไปเหมือนกับจะบอกว่า “เกมของเรายากกว่า HK อีกนะเอ้อ”
“ต่อให้ไม่ถูกนำไปเปรียบเทียบกับ Hollow Knight แต่ Gleamlight ก็มีภาพที่อึมครึมและดนตรีประกอบที่ชวนง่วงนอนอยู่ดี น่าเสียดายที่คอนเซ็ปต์ตัวละครและมอนสเตอร์ที่ออกแบบมาได้น่าสนใจพอควรแต่เกมกับสร้างออกมาได้ไม่ดีพอ”
#8: Street Power Soccer (PS4) 41 คะแนน


สำหรับเกมราคาพอ ๆ กับ FIFA Street แล้ว Street Power Soccer ถือว่าไม่คุ้มราคาอย่างแรง Maximum Games สร้างเกมแนว Street Soccer ออกมาได้แย่และน่าเบื่อมาก
“เมื่อพูดถึง Street Soccer หรือฟุตบอลข่างถนน ลวดลายทักษะที่แพรวพราวของนักเตะคือสิ่งที่ผู้เล่นต้องการ แต่กับ Street Power Soccer แล้วมันไม่ได้เป็นแบบนั้น นอกจากตัวละครที่ออกแบบมาเก้ ๆ กัง ๆ เหมือนเอาผู้สูงอายุมาเตะฟุตบอลแล้ว ความหลากหลายของทักษะ ความหวือหวาต่าง ๆ เรียกว่าแทบจะเป็นศูนย์เลยก็ว่าได้ แล้วดนตรีประกอบล่ะ? มีด้วยหรือ”
#7: Tamarin (PS4) 40 คะแนน


แค่บอกว่าเป็นอดีตทีมพัฒนาจาก Rare Studio แค่นี้ก็เรียกความสนใจจากแฟนเกมได้มากมายแล้วสำหรับทีมพัฒนา Chameleon Games ที่สร้างเกม Tamarin ให้ออกมาเป็นธีมที่น่ารักสดใส แต่กลายเป็นว่าเกมจืดชืดเกินไปจนไร้ซึ่งความน่าสนใจ ธีมภาพเกมที่ดูเก่าจนน่าหดหู่ตัดกับความน่ารักของตัวละครที่น่าจะไปอยู่ในกราฟิกภาพที่สดใสกว่านี้ รูปแบบการเล่นที่ซ้ำซากจำเจจนเกินไปทั้งที่เป็นเกมแนวแพลตฟอร์มที่มีอิสระมากในการออกแบบระบบต่อสู้หรือการผจญภัย ที่สำคัญเกมถูกสร้างมาในธีมน่ารักแต่ระบบต่อสู้กับดูรุนแรงเกินกว่าที่จะเป็นเกมสำหรับเด็ก
#6: Remothered: Broken Porcelain (PC) 39 คะแนน


“พัง” คำเดียวสั้น ๆ แต่เข้าใจได้ลึกซึ้งตามชื่อ broken ของเกมนี้ เกมสยองขวัญเอาชีวิตรอดจากค่าย Stormind Games ถูกทำลายลงด้วย Bug ต่าง ๆ ของตัวเกมเอง อีกทั้งการดำเนินเนื้อเรื่องเข้าใจยากเกินไปอีกด้วย
“นอกจากจะ พังเพราะ Bug แล้ว เกมยังมีปัญหาด้านต่าง ๆ มากมายหลายอย่างจนเกินไป ถึงขนาดเกมขึ้นสถานะไม่สามารถเล่นได้หลังจากเปิดตัวเพียงไม่นานนัด ซึ่งในเวลาต่อมาทีมงานก็ได้แก้ไขตัวเกมให้กลับมาเล่นได้ แล้ว Bug น้อยลง และทำให้การเล่าเนื้อเรื่องเข้าใจได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ยังจัดอยู่ในเกมที่แย่อยู่ดี”
#5: Arc of Alchemist (Switch) 36 คะแนน


เกม Action-RPG จากค่าย Idea Factory ที่สร้างออกมาได้แย่มากในเรื่องกราฟิกภาพทั้งในด้านความสวยและความต่อเนื่องในยุค 2019 – 2020 ที่เครื่องมือสร้างเกมทันสมัยมาก ทั้งยังมีเนื้อเรื่องที่จืดชืดไร้จุดดึงดูด การบังคับตัวละครที่แสนจะไม่ลื่นไหล
“ต้องขอบคุณเฟรมเรตที่ขาด ๆ หาย ๆ, ระบบต้อสู้ที่ห่วย และเนื้อเรื่องของตัวละครที่ไม่น่าจดจำ ที่ทำให้ Arc of Alchemist ล้มเหลวถึงเพียงนี้ สำหรับใครที่ซื้อไปเล่นก็ขอให้ทำใจเสียเถอะ ยกเว้นแต่ว่าคุณจะเป็นแฟนตัวยงของ Idea Factory ก็อาจจะสามารถยอมรับผลงานชิ้นโบว์ดำของพวกเขาชิ้นนี้ได้”
#4: Fast & Furious Crossroads (PC) 34 คะแนน


เดิมทีตั้งใจจะออกวางจำหน่ายควบคู่ไปกับภาพยนตร์ Fast & Furious ภาคที่ 9 (ซึ่งถูกเลื่อนออกไปแทนที่จะเป็นปี 2021) เกมแข่งรถสไตล์ Arcade จากค่าย Codemasters’ Slightly Mad Studios ที่ได้รับคำวิจารณ์เชิงลบอย่างเป็นเอกฉันท์ตั้งแต่เปิดตัว Video Trailer ตัวแรก
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสตูดิโอที่อยู่เบื้องหลัง Project CARS และ Need for Speed: Shift จะสร้างเกมออกมาได้เลวร้ายขนาดนี้ เดาว่านี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อได้รับงบสร้างเกมที่จำกัดเพราะครึ่งหนึ่งต้องเสียไปกับค่าตัวดาราระดับโลกที่ให้มาพากย์เสียงตัวละครในเกม มันทำให้เกมที่น่าจะอยู่ในระดับ AAA กลายเป็นแผ่น CD หนัง Action ที่วางขายตามตลาดนัด”
#3: Dawn of Fear (PS4) 33 คะแนน


เกมสยองขวัญเอาชีวิตรอดที่ได้แรงแรงบันดาลใจมาจาก Resident Evil ในช่วงปี 1990 ซึ่งตัวเกมที่ออกมาเต็มไปด้วยปัญหาต่าง ๆ มากมาย
“ Dawn of Fear พยายามดึงความคิดถึงของหนังสยองขวัญเอาชีวิตรอดแบบคลาสสิกกลับมา แต่ล้มเหลวเกือบทุกทาง การควบคุมตัวละครที่ไม่ดีเอามาก ๆ นำไปสู่ปัญหาส่วนใหญ่ภายในเกม กลไกจำเป็นต่าง ๆ ในเกมก็ขาดหายไปทำให้เกิดปัญหาที่ไม่ควรเกิดขึ้นมาในยุคของเครื่องเกม PlayStation”
#2: XIII Remake (Xbox One) 32 คะแนน


เกมเก่าจากปี 2003 ที่สร้างโดยใช้ซีรีส์นิยายภาพการ์ตูนเรื่องหนึ่งของเบลเยี่ยม ที่ทาง Ubisoft นำมา remake ให้สมจริงยิ่งขึ้นโดยเฉพาะฉาก cut-scene ที่ของต้นฉบับจะเป็นการนำเสนอในแบบภาพการ์ตูน comic แต่ของใหม่ถูกเปลี่ยนมาเป็นภาพ cut-scene ด้วยภาพในเกมไปเลย ซึ่งตรงนี้เองที่แฟนเกมต่างไม่ถูกใจอย่างแรงเนื่องจากมันเปลี่ยนเอกลักษณ์สำคัญของเกมไปจนหมดสิ้น แม้ว่าจะนำมา Remake ใหม่ แต่กลับออกมาได้แค่เพียงภาพกราฟิกที่ทันสมัยขึ้นเท่านั้น ตัวเกมไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนมากนัก น่าจะเรียกว่า Remaster มากกว่า สร้างความไม่พอใจให้กับแฟนเกมจนถึงขนาดที่ทีมงานก็ได้ออกหนังสือข้อความขอโทษแฟนเกมกันเลยทีเดียว
#1: Tiny Racer (Switch) 29 คะแนน


เกมแข่งรถคันจิ๋วในสนามที่เป็นธีมต่าง ๆ เช่นในป่า โขดหิน หรือในห้องครัว ตัวเกมพัฒนาโดย IceTorch Interactive ลงให้กับเครื่อง Nintendo Switch ในราคา $10 ซึ่งหลังจากเกมออกมาก็ถูกวิจารณ์ในแง่ลบอย่างหนัก เกมไม่ได้ให้ความพิเศษอะไรเลยระหว่างเล่น เหมือนเกมใช้เวลาสร้างแค่สัปดาห์เดียวโดยเอารถมาย่อขนาดแล้วก็แข่งกันโดยไม่ใส่รายละเอียดอะไรเลย โหมดการแข่งก็น้อย AI รถคู่แข่งก็ทึ่มขับรถออกนอกเลนบ่อย แถมการบังคับพวงมาลัยเพื่อเลี้ยวก็แย่เหมือนฝันร้าย ให้ความรู้สึกเหมือนไปซื้อเกมโปรเจ็กต์มหาลัยที่ยังทำไม่เสร็จมาขาย
เห็นได้ชัดว่าการจัดอันดับเกมยอดแย่ครั้งนี้ของทาง metacritic เกมที่มีรายชื่ออยู่ในนี้ส่วนใหญ่จะมาจากเกมทางฝั่ง Nintendo Switch ซึ่งมีรูปแบบเครื่องเล่นที่ต่างจาก PlayStation และ Xbox อย่างเห็นได้ชัด แต่นอกจากวิธีการเล่นจะต่างกันแล้ว เกมที่ทำการพอร์ตออกมาเป็นเวอร์ชั่น Switch นั้นก็ถือว่าทำได้ไม่ดีเสียด้วย นี่อาจจะเป็นเหตุผลใหญ่ที่ผู้พัฒนาเกม Action ต่าง ๆ มักจะเลือกสร้างให้กับเครื่อง PlayStation, Xbox และ PC เป็นหลักเพราะสามารถเข้าถึงแฟนเกมได้ง่ายกว่า
ที่มา: www.metacritic.com